สปิตซ์ผสมปอมขาว ลูกสปิตซ์สวยเหนือชั้นหล่อขั้นเทพ อวบอวบ ฟูฟู ตากลมกลม ขนยาวยาว หน้าแหลมแหลม คูวาสซ์ เกรตพีรีนีส์ ซาโมเจด ความคล้ายคลึงพันธุกรรมของคนกับสุนัข สุนัขโคลนตัวแรกของโลก สุนัขไฮบริดHibrid Dogs ขายลูกสปิตซ์แท้สวยสวยหล่อหล่อ
วันศุกร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สุนัขดีไซเนอร์Designer Dogs สุนัขไฮบริดHybrid Dogs
สุนัขดีไซเนอร์Designer Dogs สุนัขไฮบริดHybrid Dogs
สุนัขดีไซเนอร์ หรือ บางครั้งจะถูกเรียกว่าสุนัขไฮบริดนั้น เป็นชื่อเรียกสุนัขพันธุ์ผสมระหว่างสุนัขพันธุ์แท้สองสายพันธุ์ ซึ่งก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่าสุนัขพันธุ์แท้นั้นคือ สุนัขที่ถูกเพาะมาหลายชั่วอายุเพื่อให้ได้ลักษณะเฉพาะสายพันธุ์โดดเด่น ซึ่งหมายความว่าลูกสุนัขทุกตัวจะมีลักษณะที่เหมือนกันและมีอุปนิสัยที่เหมือนกันในขอบเขตของสายพันธุ์นั้นๆ โดยส่วนใหญ่จะมีการเขียนมาตรฐานของสายพันธุ์ขึ้น และการเพาะสุนัขเหล่านี้จะต้องพยายามให้ได้ลูกที่ตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์มากที่สุด ซึ่งข้อดีของสุนัขพันธุ์แท้นั้นเราจะรู้ตั้งแต่ต้นว่าลูกสุนัขที่คุณเลี้ยงโตมาจะเป็นอย่างไร มีอุปนิสัย ขนาด และต้องการดูแลแบบไหน สามารถทำอะไรได้บ้าง มีความสามารถแบบไหน จะรู้ว่าเขาสามารถอยู่กับเด็กได้หรือไม่ เฝ้าบ้านได้ดีแค่ไหน ชอบหรือไม่ชอบคนแปลกหน้า หรือสามารถอยู่กับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ ในบ้านได้หรือไม่ ซึ่งทุกสิ่งที่กล่าวมานี้ คุณจะแน่ใจไม่ได้เลยกับสุนัขพันธุ์ผสมแต่อย่างไรก็ดี ข้อเสียของสุนัขพันธุ์แท้ที่ว่านั้นคือ การผสมซำ้ไปซำ้มาในสุนัขที่มีบรรพบุรุษเดียวกันอาจจะทำให้เกิดความด้อยของยีน และเป็นเหตุให้สุนัขแต่ละสายพันธุ์มีโรคทางกรรมพันธุ์ประจำสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยๆ
สุนัขไฮบริดHybrid Dogs กับสุนัขพันธุ์ผสม Mutt นั้นไม่เหมือนกัน สุนัขพันธุ์ผสมMutt สุนัขที่คุณไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์ผสมอะไร หรือเป็นสุนัขที่ผสมข้ามพันธุ์มาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่จนมีหลายเชื้อสายไปหมด ในขณะที่สุนัขไฮบริดHybrid คือสุนัขที่ตั้งใจผสมข้ามพันธุ์สุนัข สองพันธุ์ที่มีการออกใบรับรองเชื้อสายพ่อแม่พันธุ์อย่างชัดเจนว่าเป็นพันธุ์แท้โดยในอเมริกาสมาคมที่รับรองสุนัขไฮบริดHybrid Dogs มีชื่อว่า The American Canine Hybrid Clup ACHC ส่วนที่ใช้คำว่าสุนัขดีไซเนอร์นั้น เพราะเจตนาในการผสมสุนัขสองพันธุ์เข้าด้วยกันเพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ให้มี "ดีไซน์" ตามที่ต้องการนั้นเอง
การเพาะสุนัขไฮบริด Hybrid Dogs นั้นเริ่มขึ้นจากการที่ผู้เพาะพันธุ์นำสุนัขพุดเดิ้ล มาผสมกับสาย
พันธุ์อื่นเพื่อให้ได้ลูกสุนัขที่มีคุณสมบัติ ที่ปลอดขนร่วง เพื่อให้คนที่แพ้ขนสุนัขสามารถเลี้ยงสุนัขได้ หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นที่นิยมและเริ่มมีคนเพาะพันธุ์มากขึ้น จนถึงขั้นมีการเขียนมาตรฐานสายพันธุ์ของสุนัขไฮบริดHybrid Dogs บางพันธุ์ขึ้นมาเหมือนกับเป็นสุนัขสายพันธุ์ใหม่ และเอกลักษณ์ของสุนัขดีไซเนอร์Designer Dog นี้ก็คือชื่อเรียกสายพันธุ์ที่เป็นการจับชื่อสายพันธุ์ของพ่อและแม่มาผันรวมกัน เช่น ลาบาดอร์ กับ พุดเดิ้ล กลายเป็น ลาบลาดูเดิ้ล Labradoodle ดังภาพข้อดีของสุนัขไฮบริดHybrid Dogs คือ ในเรื่องสุขภาพ สุนัขไฮบริดยังมีโอกาสเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ได้ เพราะว่าเป็นการผสมระหว่างสุนัขพันธุ์แท้กับสุนัขพันธุ์แท้ แต่โอกาสที่จะเป็นแน่นอนนั้นมีได้น้อยกว่า เพราะยีนได้รับการผสม ใหม่แล้ว หมาไฮบริดรุ่นแรกที่มีพ่อแม่เป็นคนละสายพันธุ์นั้นจะเดาไม่ได้เลยว่าลูกสุนัขจะมีอุปนิสัย ขนาด หรือลักษณะอย่างไรเมื่อโตเต็มที่ ในขณะที่ไฮบริดรุ่นที่สองหรือลูกสุนัขที่มีพ่อแม่เป็นไฮบริดพันธุ์เดียวกันนั้นอาจจะพอมีไอเดียบ้าง อย่างไรก็ดีไฮบริดรุ่นแรกจะมีความโดดเด่นในเรื่องนิสัย รูปร่างและความฉลาดที่เป็นเอกลักษณ์และเห็นได้ชัดเจนเป็นเพราะว่ายีนส์ที่ได้รับการผสมกันใหม่เอี่ยม หากนำสุนัขสองพันธุ์มาผสมกันนั้น คุณจะได้เอกลักษณ์ของทั้งสองพันธุ์แต่จะบอกไม่ได้ว่าได้อะไรจากพ่อ ได้อะไรจากแม่
หากจะเลี้ยงสุนัขไฮบริดHybrid dogs จะเลือกได้อย่างไร
ทางที่ดีที่สุดนั้นคือ การศึกษาลักษณะเฉพาะตัวของสุนัขทั้งฝั่งพ่อและฝั่งแม่ที่จะนำมาผสมกัน แล้วยอมรับข้อดีและข้อเสียของทั้งสองสายพันธุ์ให้ได้ทั้งหมด เพราะลูกสุนัขจะได้ลักษณะทั้งพ่อและแม่มารวมกันในแบบที่คุณเลือกไม่ได้ หากทุกอย่างเป็นที่ถูกใจก็ค่อนข้างที่จะมั่นใจได้เลยว่าจะได้ลูกสุนัขที่ถูกใจ แต่หากมีแม้ 1 อย่างที่ไม่ชอบในสายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่ง ให้หลีกเลี่ยงไฮบริดที่มีสายพันธุ์นั้นอยู่ด้วย อย่าหวังว่าลักษณะที่ไม่ชอบอาจจะไม่ออกมาเพราะสุดท้ายอาจจะได้ลักษณะที่ไม่ชอบออกมาเต็มๆ ก็ได้
Buggs= Pug +Boston terrier /Yorkipoo =Yorkshire Terrier+ Poodle
Pomapoo= pomeranian +Poodle
วันเสาร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สนััปปี้ snuppy หมาโคลนตัวแรกของโลกรับบทพ่อ
สนัปปี้ snuppy หมาโคลนตัวแรกรับบทพ่อ
ในภาพบนเป็น ลูกๆ ของสนัปปี้
สนัปปี้ snuppy กลายเป็นพ่อหมา โดยการผสมเทียม และให้สุนัขโคลนเพศเมีย โพนา bona ทีโคลนสำเร็จในอีกหนึ่งปีถัดมา เป็นแม่พันธุ์นับเป็นสุนัขครอกแรกที่กำเนิดจากพ่อแม่หมาที่เป็นโคลน
ลูกหมาเกิดเมื่อช่วงวันที่ 14-18 พ.ค.51 มีทั่งหมด 10 ตัว แต่ตายไป 1 ตัว ส่วนอีก 9 ตัวแข็งแรงดี "นี่แสดงให้เห็นว่า สุนัขโคลนก็มีศักยภาพในการสืบพันธุ์" ลี บยุง ชุน Lee Byung-Chun หัวหน้าทีมวิจัยเผย เพราะนอกจากการโคลนสุนัขจะเป็นเรื่องยากกว่าสัตว์อื่นๆ และเป็นที่จับตามองว่าสุนัขที่ได้จากการทำสำเนา อาจจะไม่สามารถมีทายาทได้
กาารขยายพันธุ์จากสุนัขโคลนจนสำเร็จนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาสุนัขดมกลิ่น หรือสุนัขนำทางต่อไปได้ อีกทั้งหมาป่าโคลนตัวแร
กของโลก ที่ทางทีมวิจัยก็ทำสำเร็จ ก็จะมีการขยายพันธุ์ด้วยวิธีเดียวกันนี้ต่อไป
สนัปปี้ (สีดำ) สุนัขโคลนตัวแรกของโลก
และสุนัขโคลนเพศเมีย อีกสองตัว ที่เป็นแม่ของลูกๆ ของสนัปปี้
สุนัขโคลนตัวแรกของโลก
สุนัขโคลนตัวแรกของโลก
สนัปปี้ Snuppy สุนัขเพศผู้พันธุ์อัฟกันฮาวนด์ เป็นสุนัขโคลนตัวแรกของโลก โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาลัยแห่งชาติโซล ประเทศเกาหลี ได้โคลนสนัปปี้ขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ.2005 หลังจากนั้นก็โคลนสุนัขเพศเมียพันธุ์อัฟกันฮาวนด์ชื่อ โพนา Bona ได้สำเร็จในปี ค.ศ.2006 โดยใช้เทคนิคโคลนแบบเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะให้สนัปปี้กับโพนามาผสมพันธุ์กันอีกด้วย
สนัปปี้เกิดจากการโคลนด้วยวิธีถ่ายโอนนิวเคลียสของเซลล์ร่างกาย somatic cell nuclear transfer :SCNT
โดยการนำนิวเคลียสจากเซลล์หูของสุนัขพันธุ์อัฟกันฮาวนด์ไปใส่แทนนิวเคลียสของเซลล์ไข่ของสุนัขอีกตัวแล้วนำไปปลูกถ่ายให้สุนัขเพศเมียตัวอื่น เพื่อให้ต้ังท้อง กว่าจะได้สนัปปี้ออกมา ต้องใช้ตัวอ่อนถึง1,095 ตัว และนำไปปลูกถ่ายในสุนัขเพศเมีย 123 ตัวซึ่งถือเป็นอัตราความสำเร็จในการโคลนตำ่มาก แต่ที่สำคัญคือ การโคลนสุนัขนี้มีประโยชน์อย่างยิ่งในการสร้างโมเดลสัตว์ เพื่อใช้เป็นตัวอย่างในการรักษาโรคร้ายต่างๆ ของคน
สนัปปี้(ตัวกลาง) พร้อมครอบครัว ตัวพ่อคืออัฟกันฮาวนด์ (ตัวซ้าย) ผู้ให้เซลล์บริเวณหูไปเพาะเป็นสเต็มเซลล์ ส่วนตัวแม่คือลาบาดอร์ รีทีฟเวอร์ (ตัวขวา) รับอุ้มบุญ หมาตัวแรกของโลก
วันพุธที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
ความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมของคนกับสุนัข
ความคล้ายคลึงทางพันธุกรรมของคนกับสุนัข
นักวิจัยจากสถาบันวิจัยจีโนม*Genome
ในรัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาลำดับเบสใน
ดีเอ็นเอของสุนัข และนำมาเปรียบเทียบกับลำดับเบสใน
ดีเอ็นเอของคนและหนู เนื่องจากสัตว์ทั้งสามมีบรรพบุรุษร่วมกัน แต่มีวิวัฒนาการแตกแขนงออกไปเป็นสัตว์แต่ละชนิด ดังนั้นจึงมีลำดับเบสในดีเอ็นเอใกล้เคียงกัน แต่ลำดับเบสในสายดีเอ็นเอของคนและสุนัขมีความใกล้้เคียงมากกว่าหนู โดยคนและสุนัขมีคู่เบสที่เหมือนกันมากกว่า 25% หรือ 650 ล้่านคู่
ด้วยเหตุนี้นักวิจัยจึง
พยายามศึกษาจีโนมสุนัขอย่างจริงจัง เพื่อหวังจะใช้เป็นต้นแบบในการศึกษาการเกิดโรคของคน เช่น โรคมะเร็ง โดยพบว่าการตายของสุนัขส่วยใหญ่เกิดจากโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ซึ่งเหมือนกับโรคมะเร็งที่เกิดกับคน นอกจากนี้บริษัทยาและมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ยังใช้สุนัขเป็นต้นแบบในการศึกษา เพื่อพัฒนาเทคนิคการปลูกถ่ายไขกระดูกอีกด้วย
*จีโนม Genome หมายถึง หนวยพันธุกรรม หรือยีนทั้งหมดที่มีคุณสมบัติควบคุม
ลักษณะกรรมพันธุ์ในสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่ง
วันพุธที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
คูวาสซ์ Kuvasz
คูวาสซ์ Kuvaszคูวาสซ์น่าจะเป็นธิเบตและหมา
คูวาสซ์ หมายถึง ยามถืออาวุธของพวกผู้ดี นานนับศตวรรษมาแล้วที่ได้รับใช้พวกผู้ดีแห่งฮังการีในฐานะเป็นองครักษ์ส่วนตัว
ในระหว่างรัชสมัยอันวุ่นวายของกษัตริย์มัทเธียสที่ 1 ซึ่งมีแต่การสงครามและการเมืองยุ่งเหยิง
กษัตริย์ได้วางใจในหมาของพระองค์เสียยิ่งกว่าพวกข้าราชบริพารมากหลายที่แวดล้อมพระองค์อยู่เสียด้วยซำ้ไป หมาคูวาสซ์ตัวอยู่ตัวหนึ่งที่ติดตามพระองค์ไปทุกแห่งหน และยืนยามเฝ้าอยู่ตรงประตูในห้องของพระองค์เลยทีเดียว คอกหมาของกษัตริย์ยังเลี้ยงหมาคูวาสซ์เอาไว้ล่าสัตว์อีกด้วย การให้ลูกหมาเป็นของกำนัลถือว่าเป็นการแสดงความโปรดปรานของพระราชาต่อขุนนางและผู้มาเยือนราชสำนัก หลายปีต่อมาหมาพันธุ์นี้ก็มาผสมพันธุ์ฮังการีอย่างดีอีกสองชนิดคือพันธุ์ปูลี และโคมอนดอร์ ที่เป็นหมาเลี้ยงแกะ ขณะที่หมาปูลีเลี้ยงแกะเป็นส่วนมาก หมาโคมอนดอร์และคูวาสซ์ก็เฝ้ายามป้องกันหมาป่าและโจรปล้นปศุสัตว์ สองพันธุ์ดังกล่าวยังทำหน้าที่อยู่ตามทุ่งราบ ส่วนคูวาสซ์ชาวไร่และชาวเมืองนิยมใช้เป็นหมาเฝ้ายามชั้นเยี่ยม
ความละม้ายกันมากของหมาคูวาสซ์สีขาวกับหมาเกรตพีรีนีส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นยามเฝ้าปราสาทฝรังเศสในสมัย
กลางส่อให้เห็นถึงบรรพสุนัขแห่งเดียวกัน บ้านดั้งเดิมของมาสตีฟฟ์ของธิเบตก็น่าจะเป็นต้นเหง้าของพันธุ์นี้ ภาษาตุรกีคำว่า kuwasz ที่หมาได้ชื่อมา
ทำให้สันนิษฐานเป็นทฤษฎีได้ว่า ชาวตุรกีสมัยอ็อตโตมานได้นำเอาหมาพันธุ์นี้จากเอเชียเข้าไปในยุโรป แต่บางคนก็เชื่อว่านำเข้ามาในฮังการีพร้อมกับหมาปูลีและโคมอนดอร์ โดยพวกชาวฮั่นหรือแม็กยาร์ที่เข้ามารุกรานเมื่ิอพันปีมาแล้ว
แม้รูปร่างจะดูใหญ่โต หมาคูวาสซ์หลังกว้างนี้ก็ว่องไวและเดินตีนเบา ขนขาวผ่องนั้นหนาทึบและหยักเป็นลอนเล็กน้อย หูห้อยแนบหัวและเป็นลอนเล็กน้อย กะโหลกแบนหางตก
ในสหรัฐอยู่ตามคอกเลี้ยงแกะทางแถบตะวันตก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นหมาเลี้ยงแกะที่เก่าแก่มาก่อน
สูงเพียงไหล่ 24-28 นิ้ว นำ้หนัก 70-90 ปอนด์
*ความต่างระหว่าง เกรตพีรีนีส์ สูง 25-32 นิ้ว
คูวาสซ์ สูง 24-28 นิ้ว
เกรตพีรีนีส์ ขน ยาวกว่า ไม่เป็นลอน
คูวาสซ์ ขน สั้นกว่าและเป็นลอน
เกรตพีรีนีส์ หู โคนหูจะยกขึ้น
คูวาสซ์ หู ห้อยแนบหัว
วันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
เกรตพีรีนีส์ Great Pyrenees
เกรตพีรีนีส์ Great Pyrenees
คนอังกฤษเรียกว่า Pyrenees Mountain Dog คนฝรังเศสเรียกว่า Le Grand dos Montagnes หรือ Chein des Pyrenees ส่วนสหรัฐก็เรียกGreat Pyrenees และพรรณนาว่า "ปุยหิมะที่เป็นตัวหมา"ได้ชื่อมาจากขุนเขาตามแนวพรมแดนฝรั่งเศส-สเปน อันเป็นถิ่นที่ปกป้องฝูงแกะและเฝ้าบ้าน ลาก
เกวียนเล่มเล็กๆ มาช้านานหลายร้อนปีแล้ว เป็นหมาในตระกูลมาสตีฟฟ์ที่มีประวัติอันน่าภาคภูมิใจมานาน บรรพสุนัขน่าจะมาจากเอเชียกลางหรือไซบีเรีย ได้ทิ้งร่องรอยไว้ให้เห็นได้ในชั้นดินยุคสำริดเมื่อกว่า 3000 ปีมาแล้ว แม้
ก่อนหน้านั้นเองชาวกรุงบาบิโลนได้เขียนรูปหมาตัวเบิ้มๆ เอาไว้ ซึ่งเหมือนหมาพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก ในเทือกเขาพีรีนีส์อันปกคลุมไปด้วยหิมะ หมาพันธุ์นี้เจริญพันธุ์มาอยางโดดเดี่ยวนับร้อยๆ ปีในฐานะเป็นเพื่อนคู่ใจของคนเลี้ยงแกะ เขาสวมปลอกคอด้วยหนังที่ฝังทองเหลืองเป็นปุ่มแหลมๆ ไว้รอบๆ นอกเหมือนสวมเกราะคอ และขนที่ยาวหนา จึงตระเวณไปตามทุ่งเลี้ยงแกะบนเขาไปทั่ว คนเลี้ยงแกะก็ได้อาศัยพันธุ์นี้เองที่จะ
ตะลุมบอนกับหมาป่าและหมี เพราะตัวใหญ่และแข็งแรงอย่างยิ่ง และวางใจให้ดูแลฝูงแกะ ซึงนับว่าตัดสินใจได้ถูกต้อง และนักเขียนแต่เก่าก่อนซึงประทับใจกับความองอาจแกล้วกล้าของมันมักจะพรรณนาถึงว่าเป็น Pyrenean Wolfhound หรือไม่ก็ Bearhound เพราะปลำ้กับ
หมาป่าหรือหมีได้สบายมาก เมื่อบรรดาหมาป่าและหมีร่อยหรอหมดลงไปเจ้าเบิ้มเลยทำหน้าที่เป็นยามทั่วไปและงานอื่นๆ แล้วแต่จะเกณฑ์ให้ทำ ชาวฝรั่งเศสได้เห็นคุณค่าของหมาพันธุ์ภูเขานี้มาแต่แรก ก็เลยเอามาเล้ียงไว้เป็นฝูงๆ เพื่อเฝ้าปราสาทใหญ่ๆ หลายแห่ง รูปสลักในสมัยกลางบนตราราชสำนักมากมายก็มีรูปเหมือนของมันอยู่ และในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็น "หมาขุนนางร่างขาวปลอด"ในราชสำนัก
ในศตวรรษที่ 17 หมาพันธุ์นี้ได้ติดไปกับเรือประมงของชน
ชาวบาสก์ เที่ยวไปจนถึงนิวฟันด์แลนด์อันเป็นถิ่นที่พวกแสวงหาเมืองขึ้นเอาไปผสมพันธุกับ Curly-coated Retriever ซึ่งบางคนก็เล่าว่าทำให้เกิดเป็นพันธุ์
หมานิวฟันด์แลนด์ขึ้น สายเลือดของหมาเกรตพีรีนีส์นี้ยังกล่าวว่ามีอยู่ในหมาพันธุ์เซนต์เบอร์นาร์ดในทุกวันนี้ด้วย
หมานี้มาถึงสหรัฐเป็นครั้งแรกตอนที่ นายพลฟาเย็ต ให้เพื่อนชาวอเมริกันไปคู่หนึ่งเมื่อปี 1824 โดยบอกว่า "เป็นสิ่งมีค่าที่สุดแก่ผู้ที่เลี้ยง
แกะทุกภาคทีต้องเสี่ยงจากหมาป่าและหมาอื่นที่คอยรังแกแกะ" ไม่มีหมาชนิดอื่นเลยที่นำเข้าสหรัฐในชงศตวรษต่อจากนั้น และจนกระทั้งปี 1933 สโมสรหมาของอเมริกันจึงได้รับรองหมาพันธุ์นี้รูปร่างอันใหญ่โตมโหฬารและเรี่ยวแรงฉกาจฉกรรจ์ของมันนั้นเอง ใช้เป็นหมาจับพวกลักลอบขนของหนีภาษีตามแนวพรมแดนฝรั่งเศสและสเปนจึงได้ใช้มันอยู่นานหลายปี บางตัวก็ไปรับราชการในสงครามโลกครั้งที่ 1 และสหรัฐก็ฝึกไว้อีกสองสามตัวใน
สงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อไปแบกปืนกลหนัก กระสุน และเสบียงหลังอันกว้างและตรงตลอดจนทรวงอกอันใหญ่ ให้คุณแก่การใช้งานบนเขามานานนับร้อยๆ ปี หัวที่โตและเสี้ยมออกไปดูๆ แล้วก็เหมือนหัวหมีที่มันเคยฟัดเคยตะลุมบอนมาเมื่อกาลก่อน นิ้วติ่งคู่ที่ขาหลังแต่ละข้างบอกยี่ห้อของพันธุ์นี้ โดยเฉพาะขนสีขาวเรียบของมันบางทีก็มีสีเทาหรือสีแทนผ่านเป็นทาง เป็นหมาที่วางใจได้สนิทกับพวกเด็กๆ และจะพิทักษ์รักษาบ้านของนายในยุคปัจจุบันด้วยความจงรักภักดีอย่างหาที่เสมอเหมือนมิได้ ดังที่มันได้เคยปฎิบัติมาแก่เจ้าของฝูงแกะเมื่อหลายศตวรรษก่อนโพ้น
สูงเพียงไหล่ 25-32 นิ้ว นำ้หนัก 50-125 ปอนด์
วันจันทร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2553
"กลุ่มหมาขาว" ซาโมเจด Samoyed
ซาโมเจด Samoyed
ทุ่งทุนดราอันเป็นที่ราบกว้างขวางในภูมิภาคอาร์กติกระหว่างไวต์ซีและแม่นำ้เยนิไซแห่งไซบีเรียนั้น เป็นถิ่นฐานของหมาซาโมเจดและชนกึ่งร่อนเร่อันมีชื่อดังกล่าว ณ ที่นี่หมาซาโมเจดเกิดมาเป็นหมาเลือดบริสุทธิ์นับเป็นร้อยๆ ปี ท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยวกันดารในอากาศที่หนาวเหน็บ โดยมีฐานะเป็นทั้งหมาต้อนกวางเรนเดียร์ หมาลากเลื่อน หมาล่าสัตว์ และเป็นเพื่อนคน
ธรรมชาตฺได้ปรับแต่งมันเอาไว้ให้เหมาะสมกับสภาวะแวดล้อมและงานของมัน ขนข้างนอกหยาบและเหยียดตรงประกอบกับขนชั้นในที่นุ่มและหนาก็เท่ากับเป็นเกราะกำบังความหนาวได้เป็นอย่างดี ทั้งแสงแดดและหิมะย่านอาร์กติกได้ย้อมสีขนจนกระทั้งเป็นสีขาวสนิท หรือสีครีมอ่อนๆ บางครั้งอาจมีสีอื่นพลัดมาบ้าง หลังอันกว้างและช่วงอกที่ลึกทำให้มีเรี่ยวแรงและความทรหดยิ่งนักยามที่เข้าเทียมเลื่อน และขนปุยขึ้นอยู่ในระหว่างซอกนิ้วเป็นรองเท้าหิมะดีๆ นั้นเอง
หัวเป็นรูปเสี้ยม หางพวง เป็นลักษณะของหมาที่ว่องไวกระฉับกระเฉง สวยสง่าและฉลาด เป็นตัวโชว์ช้ันดียามที่มีงานประกวดหมา โดยที่เป็นหมาลากเลื่อนชั้นเยี่ยม หมาซาโมเจดได้รับใช้ แนนเซน แช็คเกิลตัน สก็อต และนักสำรวจคนอื่นๆ มากมายมาแล้วในย่านอาร์กติกและแอนตาร์กติก
หมาพันธุ์นี้เข้ามาสู่อังกฤษเมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว และเข้าในสหรัฐทีหลัง ขนอ่อนชั้นในนั้นนำไปปั่นเป็นด้ายขนสัตว์ชั้นเยี่ยมแล้วทอเป็นผ้าอย่างดีซึ่งชาวซาโมเจดเขาใช้กันมาตั้งแต่บรุพกาลแล้ว
หมาซาโมเจดนั้นใจถึงแต่ก็เรียบร้อย สีหน้าของมันน้ันเหมือนยิ้มอยู่เสมอ การท่ีได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับนายผู้มีเมตตาปรานีมานานนับร้อยๆ ปีได้บ่มนิสัยรักมนุษย์อย่างลึกซึ่งให้กับมัน
สูงเพียงไหล่ 19-23 นิ้ว นำ้หนัก 36-67 ปอนด์
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)